ขับรถเที่ยวอูเอดะ แวะพิพิธภัณฑ์ศิลปะลอยฟ้า แล้วไปต่อคามิโคจิ
สนุกกับการเที่ยวชมสองปราสาทชื่อดังอย่างปราสาทอูเอดะและปราสาทมัตสึโมโตะ
พร้อมเพลิดเพลินกับธรรมชาติ ศิลปะ และของอร่อยในเมืองอูเอดะ ตั้งแต่ที่ราบสูงอุทสึคุชิงาฮาระไปจนถึงเบชโชออนเซ็น

มาเที่ยวญี่ปุ่น ลองเช่ารถขับชมวิวดูไหม?
ถ้าพูดถึง คามิโคจิ หลายคนคงนึกถึงจุดชมธรรมชาติยอดฮิตที่ใครไปก็หลงรัก แต่ถ้าอยากให้ทริปครั้งนี้พิเศษกว่าเดิม ลองแวะออกนอกเส้นทางดูสักนิด จาก มัตสึโมโตะ ลองขับรถต่อไปยัง อูเอดะ เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ระหว่างทางคุณจะได้พบกับ ที่ราบสูงอุสึคุชิกะฮาระ พื้นที่กว้างใหญ่บนยอดเขา สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 2,000 เมตร ที่เต็มไปด้วยวิวแบบพาโนรามาและอากาศบริสุทธิ์สุดสดชื่น ชื่ออาจฟังดูยากสำหรับคนไทย แต่แค่จำว่า “เส้นทางลอยฟ้า” หรือ “พิพิธภัณฑ์ลอยฟ้า” ก็เพียงพอ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยผลงานศิลปะกลางแจ้งที่จัดวางท่ามกลางธรรมชาติราวกับลอยอยู่เหนือก้อนเมฆ
เส้นทางนี้ยังเชื่อมต่อ ปราสาทอูเอดะ ของซามูไร ซานาดะ ยูคิมูระ เข้ากับ ปราสาทมัตสึโมโตะ สมบัติประจำชาติที่สวยสง่าไม่แพ้ใคร
ธรรมชาติ ศิลปะ และประวัติศาสตร์ รวมอยู่ในเส้นทางเดียวที่คุณไม่ควรพลาด
ปราสาทมัตสึโมโตะ & ปราสาทอูเอดะ
สองจุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่น่าประทับใจในจังหวัดนากาโนะ
ปราสาทมัตสึโมโตะ เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยหอคอยหลักแบบดั้งเดิมที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างงดงาม ตัวปราสาทสีดำตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม โดยมีเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือเป็นฉากหลัง
ที่ช่วยสร้างภาพจำที่น่าประทับใจให้กับผู้มาเยือน และในแต่ละฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว ปราสาทแห่งนี้ก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป ให้บรรยากาศที่งดงามในแบบเฉพาะตัว อีกทั้งยังเดินทางสะดวกจากตัวเมือง จึงกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมของทั้งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ
ด้านปราสาทอูเอดะ แม้จะไม่มีหอคอยหลักหลงเหลืออยู่เหมือนปราสาทอื่น ๆ แต่ก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสถานที่ที่ตระกูลซานาดะสามารถต้านทานกองทัพใหญ่ของตระกูลโทกุงาวาไว้ได้ถึงสองครั้ง ภายในยังมีศาลเจ้าซานาดะ และประตูป้อมที่ยังคงสภาพไว้อย่างดี ทำให้ผู้มาเยือนยังเหมือนยังสัมผัสได้ถึงยุคสมัยนั้น ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่คนรักประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะผู้ที่หลงใหลในยุคเซ็นโกคุ ควรหาโอกาสไปเยือนสักครั้ง
ถ้าใครชอบเรื่องราวของยุคซามูไร หรืออยากสัมผัสบรรยากาศประวัติศาสตร์แบบใกล้ชิด แนะนำให้ไปที่ ปราสาทอูเอดะ แต่ถ้าอยากชมปราสาทญี่ปุ่นสวย ๆ แบบใกล้ ๆ หรือกำลังมองหาสถานที่ถ่ายรูปสวย ๆ กับฉากหลังสุดคลาสสิก ต้องไม่พลาด ปราสาทมัตสึโมโตะ ทั้งสองแห่งมีเสน่ห์ที่ต่างกันออกไป
วันที่ 1: ย้อนรอยประวัติศาสตร์ที่อูเอดะ ก่อนผ่อนคลายที่เบชโชออนเซ็น

สัมผัสกลิ่นอายซามูไร เดินเล่นในเมืองปราสาทอูเอดะ
เริ่มต้นวันแรกของทริปที่สถานีอูเอดะ (Ueda Station) จังหวัดนากาโนะ ซึ่งเดินทางมาได้สะดวกด้วยรถไฟชินคันเซ็น
ที่นี่คือดินแดนแห่งตำนานของซามูไรผู้กล้าแห่งยุคเซ็งโงกุ "ซานาดะ ยูคิมุระ" ทันทีที่ก้าวเข้าสู่สถานี คุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ผ่านการจัดแสดงชุดเกราะของตระกูลซานาดะ ซึ่งเปิดให้ชมได้ฟรี จากสถานีสามารถเดินเท้าไปยัง “ถนนยานางิมาจิ” (Yanagimachi-dori) ถนนสายเก่าแก่ที่เรียงรายไปด้วยบ้านไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมและพื้นทางเดินหินที่ยังคงบรรยากาศย้อนยุคไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเดินเล่น ถ่ายรูป หรือแวะร้านเล็กๆ ริมทาง ถนนสายนี้คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการทำความรู้จักเมืองอูเอดะ

ช่วงบ่ายของวัน ขอแนะนำให้ไปชมปราสาทอูเอดะ (Ueda Castle) ซึ่งตั้งอยู่ในสวนสาธารณะกว้างใหญ่ใจกลางเมือง ภายในบริเวณยังคงมี หอคอยและประตูปราสาทที่ได้รับการบูรณะ ให้คงสภาพเดิมไว้อย่างสวยงาม
ในวันที่อากาศแจ่มใส สามารถมองเห็นวิวทิวเขาและเมืองอุเอดะได้ไกลสุดสายตา เป็นวิวที่ให้ความรู้สึกสงบและอลังการในคราวเดียว ไม่ไกลจากตัวปราสาท มีศูนย์แนะนำการท่องเที่ยวและร้านขายของฝาก ซึ่งรวบรวมสินค้าท้องถิ่นจากแถบชินชู รวมถึงของที่ระลึกจากตระกูลซานาดะ เช่น พวงกุญแจ ชุดเกราะจำลอง และขนมท้องถิ่นน่าลิ้มลอง

สัมผัสวัฒนธรรมออนเซ็นญี่ปุ่นที่เบชโชออนเซ็น
เริ่มต้นการเดินทางจากทางออกฝั่งปราสาทของสถานีอูเอดะ โดยใช้บริการรับส่งของ Toyota Rent a Car ที่ได้จองไว้ล่วงหน้า และไปรับรถที่สาขาอูเอดะ แม้ว่าบริเวณรอบสถานีจะมีบริษัทรถเช่าอยู่หลายแห่ง แต่ครั้งนี้เราเลือกใช้ Toyota Rent a Car เพราะมีเว็บไซต์ภาษาไทย และสามารถคืนรถข้ามสาขาได้ โดยเฉพาะการคืนรถที่สถานีมัตสึโมโตะ เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับการเดินทาง
อย่าลืมลองชิมอาหารขึ้นชื่อของอูเอดะอย่าง “Oidare Yakitori หรือไก่อย่างซอสกระเทียม” ซึ่งมีรสชาติของซอสถั่วเหลืองผสมกระเทียมขูด ที่อร่อยติดใจแน่นอน
ย่านออนเซ็นเงียบสงบ เรียงรายด้วยร้านมันจูและของฝากตลอดทางหินเล็กๆ เดินต่อเข้าไปจะพบวัดเก่าแก่ เช่น “คิตะมุคิคันนอน” และ “อันราคุจิ”อให้คุณแวะไปเยือน
ที่ที่พักในเบชโชออนเซ็น คุณจะได้ลิ้มลองอาหารไคเซกิที่ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาลของแถบชินชู พร้อมผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในบ่อน้ำพุร้อนชื่อดัง ซึ่งอ่อนโยนต่อผิว และได้รับฉายาว่า “น้ำแร่เพื่อผิวสวย”

เส้นทางขับรถจากสถานีอูเอดะ มุ่งหน้าสู่เบชโช ออนเซ็น
วันที่ 2: ขับรถบนเส้นทางลอยฟ้า
ก่อนออกจาก เบชโชออนเซ็น ขอแนะนำให้แวะชม ศาลเจ้าอิคุชิมะทารุชิมะ หนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในจังหวัดนากาโนะ โดดเด่นด้วยประตูโทริอิสีแดงสดและอาคารหลักอันงดงาม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก หรือแชร์ลงโซเชียลให้เพื่อนอิจฉาเล่น

หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว เดินทางกันต่อไปยัง “ศูนย์ท่องเที่ยวทาเคะอิชิ” (Takeshi Tourist Information Center) เพื่ออัปเดตข้อมูลล่าสุดของเส้นทาง จากนั้นมุ่งหน้าราบสูงอุทสึคุชิงาฮาระ ซึ่งสูงถึง 2,000 เมตร ทิวทัศน์พาโนราม่าระหว่างทางสวยงามมาก สามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือที่ปกคลุมด้วยหิมะได้ชัดเจน

หากเทียบกับเมืองไทย บรรยากาศของเส้นทางนี้คล้ายกับถนนสายภูเขาในเชียงรายหรือน่าน แต่โดดเด่นด้วยลมเย็นสดชื่นในแบบฉบับของญี่ปุ่น ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยจุดชมวิวสวยงาม ที่ไม่ว่าจะหยุดตรงไหนก็สามารถเก็บภาพประทับใจได้ทุกมุม

พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งลอยฟ้า
“พิพิธภัณฑ์ศิลปะอุทสึคุชิงาฮาระ” หรือเราจะมาจำกันง่ายๆว่า “พิพิธภัณฑ์ศิลปะลอยฟ้า” ตั้งอยู่บนที่ราบสูง 2,000 เมตร เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีประติมากรรมกระจายอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจี เป็นจุดถ่ายรูปสวยที่ผสมผสานศิลปะและธรรมชาติได้อย่างลงตัว
มีค่าเข้าชม 1,000 เยน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บไซต์

ร้านอาหารด้านในพิพิธภัณฑ์ลอยฟ้า
พิพิธภัณฑ์ลอยฟ้า ไม่ได้มีแค่งานศิลปะให้ชมเท่านั้น แต่ยังครบครันด้วยร้านอาหารและร้านของฝาก อาหารยอดนิยมอย่างข้าวแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่น หรือโซบะจากแถบชินชู ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ พร้อมเลือกซื้อของฝากลิมิเต็ดที่หาซื้อได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น ลองแวะมาสัมผัสรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศเหนือระดับ ที่ความสูง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ดื่มด่ำกับทั้งศิลปะและวิวภูเขาแบบเต็มตา ด้วยอาหารแสนอร่อยและวิวที่สวยสะกดใจ รับรองว่าทริปนี้จะกลายเป็นความทรงจำที่พิเศษไม่รู้ลืม

เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคตกันเถอะ!
ที่พิพิธภัณฑ์ลอยฟ้า (พิพิธภัณฑ์ศิลปะอุทสึคุชิงาฮาร)ะ สามารถส่งจดหมายถึง “ตัวเองในอนาคต” ได้
เพียงซื้อชุดเขียนจดหมายในพิพิธภัณฑ์ (ราคา 300 เยน) แล้วเขียนข้อความถึงตัวเอง ณ ช่วงเวลานี้
จากนั้นหย่อนลงในตู้ไปรษณีย์ที่จัดไว้ให้ จดหมายของคุณจะถูกส่งกลับไปยังบ้านในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
ลองถ่ายทอดความรู้สึกระหว่างการเดินทาง หรือบันทึกความฝันและคำสัญญาเล็ก ๆ ให้ตัวเองในอนาคตดูไหมคะ
ที่พิเศษไปกว่านั้น ยังสามารถส่งไปยังที่อยู่นอกประเทศได้ด้วย เพราะรองรับระบบไปรษณีย์ระหว่างประเทศ

หอคอยอุทสึคุชิโนะโตะ และเส้นทางสู่มัตสึโมโตะ
“หอคอยอุทสึคุชิโนะโตะ” คือจุดเด่นของที่ราบสูงอุสึคุชิกะฮาระ รายล้อมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีและกังหันลมที่หมุนเบา ๆ ไปตามสายลม จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวแบบพาโนรามาได้รอบทิศ 360 องศา บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมและเสียงนก เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง
เส้นทาง “ขับรถลอยฟ้า” บนที่ราบสูงอุสึคุชิกะฮาระ ที่เชื่อมระหว่างเมืองอุเอดะและเมืองมัตสึโมโตะ คือประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ความเงียบสงบ และศิลปะวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
นี่คือช่วงเวลาอันแสนพิเศษที่ต่างจากความเร่งรีบในเมืองใหญ่ เป็นความหรูหราในแบบธรรมชาติที่อยากให้คุณได้ลองสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง
※ สามารถเลือกเช่ารถที่เมืองอุเอดะ และคืนรถที่เมืองมัตสึโมโตะได้อย่างสะดวก อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขตอนทำการจองนะคะ

เมื่อเดินเล่นและชมวิวจนเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อ มุ่งหน้าลงเขาผ่านเส้นทาง “โทบิระโทเกะ” สู่เมืองมัตสึโมโตะระหว่างทาง ธรรมชาติเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ต้นไม้เขียวชอุ่มมากขึ้น และอากาศค่อยๆ อุ่นขึ้นตามระดับความสูงที่ลดลง เมื่อเข้าสู่เมืองมัตสึโมโตะ อย่าลืมแวะ “ปราสาทมัตสึโมโตะ” หนึ่งในสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องหอคอยไม้ 5 ชั้น 6 ระดับ ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในประเทศ ตัวปราสาทตั้งตระหง่านอย่างงดงามโดยมีเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือเป็นฉากหลัง โดยเฉพาะในช่วงซากุระบานหรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสี บรรยากาศจะสวยเป็นพิเศษ เหมาะกับการเก็บภาพความประทับใจไว้ไม่มีเบื่อ
ในวันถัดไป สามารถเดินทางต่อไปยัง “คามิโคจิ” จุดหมายปลายทางสุดฮิตของนักท่องเที่ยว
คอลัมน์พิเศษ

โยริอิจิริ ดินแดนดอกพีชที่บานเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ
ช่วงเวลาพิเศษของฤดูใบไม้ผลิ ที่จะพาคุณสัมผัสเสน่ห์ญี่ปุ่นในวันวาน ระหว่างขับรถจากเบชโชออนเซ็นมุ่งหน้าสู่ที่ราบสูงอุสึคุชิกะฮาระ หากสังเกตเห็นป้ายเล็กๆข้างทาง แล้วเลี้ยวไปตามทางนั้น คุณจะได้พบกับดินแดนที่งดงามราวกับหลุดออกมาจากนิทาน
สถานที่นั้นมีชื่อว่า “โยริอิจิริ ฮานะโมโมะโนะซาโตะ” (余里一里 花桃の里) หมู่บ้านแห่งดอกพีชสีชมพูที่เงียบสงบและเปี่ยมด้วยเสน่ห์เฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ

พื้นที่แห่งนี้ได้รับชื่อว่า “โยริอิจิริ” เนื่องจากเคยเป็นที่ตั้งของ “เนินอิจิริซึกะ”
ปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านกลางหุบเขาอันเงียบสงบ ซึ่งมีต้นดอกฮานะโมะโมะ (ดอกพีช) กว่า 500 ต้นผลิบานสะพรั่ง ช่วงเวลาที่สวยที่สุดจะอยู่ราวปลายเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม เพียงประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น เมื่อแสงแดดฤดูใบไม้ผลิส่องกระทบ ดอกไม้สีแดง ขาว และชมพูจะบานซ้อนกันราวกับกลุ่มเมฆสีพาสเทลที่ลอยลงมาสู่พื้นดิน เป็นภาพที่งดงามราวกับนิทาน บริเวณรอบ ๆ เงียบสงบ ไร้ตึกสูงหรือป้ายโฆษณา รายล้อมด้วยวิวชนบทแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ดูเรียบง่ายและสบายตา ระหว่างเดินชมดอกฮานะโมะโมะ เส้นทางจะคดผ่านทุ่งนาและแปลงผักของชาวบ้าน เปิดโอกาสให้สัมผัสวิถีชนบทญี่ปุ่นที่เรียบง่ายและจริงใจ แม้จะปรากฏแค่ช่วงสั้น ๆ ของปี แต่เส้นทางสายดอกฮานะโมะโมะนี้ คือจุดแวะพักที่ไม่ควรพลาดระหว่างทางจากเบชโชออนเซ็นสู่ที่ราบสูงอุสึคุชิกะฮาระ ความงามอ่อนหวานของดอกพีชสีชมพู ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของฤดูใบไม้ผลิในนากาโนะ จะค่อย ๆ ปลอบประโลมหัวใจคุณอย่างอ่อนโยน
สงกรานต์ครั้งหน้า...ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปชมดอกไม้ที่ญี่ปุ่นดูไหมคะ?
สิ่งน่าสนใจ